“โสกราตีสกับการเคารพเขื่อฟังกฎหมาย”
เมื่อพิจารณาศึกษานักคิดที่ให้ความสำคัญกับ”หลักการเคารพเชื่อฟังกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐที่ควบคุมทางสังคม” ที่คลาสสิคและเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุด คือ โสกราตีส
กล่าวคือ โสกราตีส ได้วางหลักการแนวคิดการยอมรับกฎหมายที่ตัวเองไม่มีความผิดในข้อหา “สร้างเทพเจ้าขึ้นใหม่และบ่อนทำลายจิตใจของคนหนุ่มสาวกรีก” สมัยนั้น โดนพิพากษาลงโทษดื่มยาพิษ โสกราตีส ยืนยันที่ยอมรับโทษประหารชีวิต ถึงแม้ได้ประกาศว่าตนเองนั้นไม่มีความผิด กฎหมายหรือคำสั่งของผู้ปกครองที่ขัดต่อหลักกฎหมายธรรมชาติถือว่าเป็นกฎหมายหรือคำสั่งของผู้ปกครองเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ตามและที่สำคัญแม้ตนเองจะมีช่องทางหลบเลี่ยงโทษมหันต์ได้ แต่ โสกราตีส ต้องการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย อันเป็นหลักคุณธรรมของเขาว่า “ประชาชนทุกคนต้องเคารพปฏิบัติตามกฎหมายโดยไม่คำนึงว่ากฎหมายนั้นจะเป็นธรรมหรือไม่ก็ตาม”
โดยผู้เขียนขอนำข้อความบางส่วนในหนังสือ “ไครโต (โสกราตีส) เปลโต เขียน ส. ศิวรักษ์ แปล” ได้เขียนเกี่ยวกับหลักการเคารพเชื่อฟังกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐของโสกราตีส ซึ่งเป็นสนทนาระหว่าง โสกราตีสกับใครโต มาอธิบาย ดังนี้
“โสกราตีส .......
ไครโต .......
โสกราตีส “เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ขอให้เราจงมาพิจารณาว่า ถ้าเราจากไปโดยมิได้รับอนุญาตจากรัฐ เราจะได้ชื่อว่าทำความผิดไหมและเป็นความผิดอันเราจะกระทำให้แก่คน ผู้ไม่ควรรับโทษทัณฑ์อันนี้เลยหรือเปล่า เราคงจะยึดมติที่เรายอมรับว่าถูกหรือไม่
ไครโต “ข้าพเจ้าตอบไม่ได้ดอก โสกราตีส เพราะข้าพเจ้าไม่เข้าใจ”
โสกราตีส “ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้ข้าพเจ้าพูดใหม่ สมมติว่าเราหนีหรือจะเรียกว่ากระไรก็ตามและสมมติว่า กฎหมายและบ้านเมืองจะมาถามปัญหาว่า “โสกราตีส บอกเราหน่อยว่าการกระทำของท่านั้น หมายความว่ากระไรท่านทำการเพราะไม่ยอมเคารพสถาบันแห่งนี้ใช่ไหมท่านไม่นำพาต่อกฎหมายและจักรภพก็เท่ากับว่ารัฐนี้ควรตั้งอยู่ หรือควรสลายตัวลง” ไครโต เราจะตอบถ้อยคำนั้น ๆว่าอย่างไร อาจพูดได้มากยิ่งศิลปะวาทีด้วยแล้วยิ่งพูดได้คล่องว่า กฎหมายอันพิพากษาตัดสินสิ้นสุดไปแล้วนั้นไม่ดี หรือเราจะตอบว่า “ก็เพราะรัฐทำผิดก่อนคำตัดสินไม่ยุติธรรม” เราจะพูดว่ากระนั้นหรือพูดว่ากระไร”
ไครโต “พูดอย่างนี้ได้แน่”
โสกราตีส “ถ้ากฎหมายจะตอบว่า “ท่านกับเราตกลงกันแล้วมิใช่หรือ ท่านสาบานว่าจะทำตามคำตัดสินของบ้านเมือง” ถ้าเราแสดงความแปลกใจนี้กับคำพูดนี้ กฎหมายบ้านเมืองก็จะกล่าวต่อไปว่า “อย่าแปลกใจเลย โสกราตีสเรารู้ว่าท่านชอบถามและตอบปัญหา เราตอบก่อนว่า ท่านมีอะไรที่คิดคัดค้านต่อต้านนครนี้ จนพยายามที่จะทำลายเรา เราไม่ได้ให้กำเนิดท่านมาดอกหรือ ไม่ใช่เพราะอาศัยเราดอกหรือที่บิดาท่านได้กับมารดาจนเกิดท่าน ท่านเห็นว่ากฎหมายสมรสผิดกระนั้นหรือ” ข้าพเจ้าก็ต้องตอบว่า เปล่า “ถ้าเช่นนั้นท่านก็ต้องเห็นว่า กฎหมายว่าด้วยทารกสงเคราะห์และการศึกษาผิด ทั้ง ๆ ที่เราให้การศึกษาแก่ท่าน เราทำผิดหรือ เมื่อเราสั่งให้บิดาให้การศึกษาแก่ทาน ให้บำรุงเลี้ยงดูให้ฝึกหัดท่านทั้งทางกายและทางใจ” ข้าพเจ้าก็ต้องตอบว่าไม่ผิดหรือ
รัฐย่อมกล่าวต่อไปว่า “ดีแล้วก็เมื่อท่านเกิดเติบโตและได้เรียนรู้แล้ว ท่านจะว่าตัวท่านตลอดจนผู้สืบสายโลหิตของท่านต่อไปไม่ใช่ลูกของรัฐ บ่าวของรัฐอย่างไรก็ได้ถ้าเช่นนั้นแล้ว ท่านมีสิทธิที่จะทำกับเราได้เช่นเดียวกับที่เราจะทำกับท่านกระนั้นหรือ ถ้าท่านมีนาย ท่านจะทำกับนายอย่างที่ทำกับท่านไหม นายว่าท่าน ท่านว่านาย นายเฆี่ยนท่าน ท่านเฆี่ยนนาย นายทำให้ท่านเดือดร้อนท่านก็ทำกับนายเช่นนั้นบ้าง ท่านจะพยายามอย่างยิ่งที่จะทำลายล้างเรากระนั้นหรือ ท่านจะอ้างสิทธิที่จะทำเช่นนั้นไหม ท่านผู้รักคุณงามความดี
ปัญญาของท่านไม่ได้สั่งสอนให้ทราบดอกหรือ ว่าสิ่งซึ่งสูงกว่าบิดามารดาและญาติกาทั้งหลายก็คือ “ประเทศชาติ” อันเป็นที่รักยิ่งและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าบรรพบุรุษ ทั้งเทวดาและมนุษย์ที่มีความคิด ย่อมให้เกียรติรัฐยิ่งกว่าบุคคลท่านเคารพประเทศชาติ ยอมอยู่ใต้อำนาจ ทำการงานให้ยามเมื่อชาติต้องการยิ่งกว่าบิดามารดา ถ้าอยากให้รัฐทำตามเราก็ต้องเสนอแนะให้รัฐเห็นดีด้วย ถ้ารัฐออกคำสั่งท่านก็ต้องเชื่อฟังอย่างไม่ปริปาก จะสั่งอย่างไรก็ต้องทำตามจะขัง จะเฆี่ยนหรือฆ่าก็ตาม ที่ทำตามนั้นถูกต้องแล้วจะหนี จะเลี่ยง จะละหน้าที่ หาได้ไม่ ไม่ว่าจะในสงคราม ในศาลหรือที่ไหน ๆ ก็ตาม เราต้องทำตามคำของรัฐ เว้นไว้แต่เราจะพูดให้รัฐเชื่อตามหลักความยุตะรรมของเรา จะใช้กำลังต่อต้านบิดา มารดา ยังไม่ได้ แล้วจะไปขัดขืน ปิตุภูมิ มาตุภูมิ จะมียิ่งแล้วใหญ่หรือ” ไครโต เราจะตอบว่าอย่างไรที่กฎหมายบ้านเมืองว่ามานั้นจริงไหม”
ไครโต “.......
โสกราตีส ....
ไครโต “ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว โสกราตีส”
โสกราตีส “ถ้าเช่นนั้นก็พอแล้ว ไครโต ปล่อยให้ข้าพเจ้าได้สนองเทวโองการตามที่ควรจะเป็นไปเถิด”
จากบทสนทนาระหว่าง โสกราตีสกับไครโตนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ ไชยพร ได้ตั้งคำถามหรือตั้งข้อสงสัยในเรื่องที่เกี่ยวกับการเคารพเชื่อฟังกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของรัฐควบคุมคนในสังคมของ โสกราตีส ว่า “จะมี” หรือ “ไม่มีแนวคิดลัทธิอะไร” นอกเหนือไปจากการมีความรักในปัญญา ความรู้”
แต่สิ่งที่น่าสงสัย คือ ทำไม “นครรัฐเอเธนส์ที่เป็นประชาธิปไตยอันลือชื่อจึงไม่ยอมให้พลเมืองอย่าง โสกราตีส มีเสรีภาพทางความคิดได้ ?
ทำไม่สังคมเสรีอย่างเอเธนส์จึงตัดสินพิพากษาลงโทษโสกราตีสได้” ?
ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดที่ว่า “เป็นสังคมที่ได้รับการยกย่องว่าให้สิทธิพลเมืองมีเสรีภาพในการพูด แสดงความคิดเห็นโดยการประหารชีวิตผู้รักในความรู้ในฐานะที่ได้กระทำความผิดอันร้ายแรงจากการใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าว”
เป็นไปได้หรือไม่ว่าปัญญาความรู้อย่างจริงจัง ย่อมนำมาซึ่งการตั้งคำถามกับ “ความจริงที่ดำรงอยู่อันเป็นปฏิปักษ์ต่อจารีตแบบแผนกฎเกณฑ์ที่ดำรงอยู่ในบ้านเมืองขณะนั้นด้วยเสมอ”
ทำให้นครรัฐเอเธนส์เกิดข้อสงสัยว่า “ผู้รักในความรู้ในระบอบประชาธิปไตยที่ให้สิทธิเสรีภาพในการพูดแก่ทุกคนและขณะเดียวก็เป็นระบอบที่ขับเคลื่อนด้วย “มติมหาชน” นั้นบางเรื่องก็ไม่สามารถไปด้วยกันได้เช่นกัน